การกำหนดมาตรฐานคุณภาพของครูในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ ครูจะต้องทำกิจกรรม 7 อย่างคือ 1) การวิเคราะห์หลักสูตร 2) การวิเคราะห์ผู้เรียน 3) การจัดกิจกรรมที่หลากหลาย 4) การใช้เทคโนโลยีเป็นแหล่งและสื่อการเรียนรู้ของตนเองและนักเรียน 5) การวัดและประเมินผลตามสภาพจริงอย่างรอบด้านและเน้นพัฒนาการ 6) การใช้ผลการประเมินเพื่อแก้ไขปรับปีรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ 7) การใช้การวิจัยปฏิบัติการในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียนและการสอนของตน
จากประเด็นดังกล่าว นักศึกษาจะนำวิธีดังกล่าวมาจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เมื่อนักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (ข้อสอบ 20 คะแนน) ยกตัวอย่างออกแบบการจัดการเรียนรู้
จากประเด็นดังกล่าว นักศึกษาจะนำวิธีดังกล่าวมาจัดการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เมื่อนักศึกษาได้ลงมือปฏิบัติการเรียนการสอนให้แก่ผู้เรียนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (ข้อสอบ 20 คะแนน) ยกตัวอย่างออกแบบการจัดการเรียนรู้
1.การวิเคราะห์หลักสูตร คือ ความทันสมัยในด้านต่างๆไม่ว่าจะเป็นสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอน อุปกรณ์ที่ช่วยเสริมไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต สองสิ่งนี้นับว่ามีอิทธิพลต่อการศึกษาเพราะเป็นแหล่งค้นหาข้อมูลสำคัญๆที่เป็นแหล่งที่หาได้ง่ายที่สุดและใกล้ตัวมากที่สุด
ในด้านเนื้อหาของหลักสูตรเห็นได้ว่ามีการปรับปรุงเพื่อให้สอดคล้องกับนักเรียนมากที่สุดและเพื่อให้เข้ากับสถานศึกษาด้วยเพราะบางสถานศึกษามีจำนวนของครูผู้สอนที่ไม่เพียงพอจึงทำให้บางวิชาไม่ได้เรียนหรือได้เรียนน้อยกว่าวิชาอื่นๆ
2. การวิเคราะห์ผู้เรียน คือ เป็นการวิเคราะห์ลักษณะผู้เรียนเพื่อที่ผู้สอนจะได้ทราบว่าผู้เรียนมี ความพร้อมในการเรียนมากน้อยเพียงใดทั้งนี้เพราะการที่จะใช้สื่อให้ได้ผลดีย่อมจะต้องเลือกสื่อให้มีความสัมพันธ์กับลักษณะผู้เรียน ดังนั้นผู้สอนจะต้องคำนึงถึงลักษณะทั่วไปและลักษณะเฉพาะของผู้เรียนเช่น การกำหนดลักษณะทั่วไป ซึ่งได้แก่ อายุ ระดับความรู้ สังคม
เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของผู้เรียนแต่ละคน ถึงแม้ว่าลักษณะทั่วไปของผู้เรียนจะไม่มี
ความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทเรียนก็ตามแต่ก็เป็น สิ่งที่ช่วยให้ผู้สอนสามารถตัดสินระดับของบท
และเพื่อเลือกตัวอย่างของเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียนได้ ส่วนลักษณะเฉพาะของผู้เรียนแต่ละคนนั้นนับว่ามีส่วนสำคัญโดยตรงกับ เนื้อหาบทเรียนตลอดจนสื่อการสอนและวิธีการที่จะ
เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของผู้เรียนแต่ละคน ถึงแม้ว่าลักษณะทั่วไปของผู้เรียนจะไม่มี
ความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาบทเรียนก็ตามแต่ก็เป็น สิ่งที่ช่วยให้ผู้สอนสามารถตัดสินระดับของบท
และเพื่อเลือกตัวอย่างของเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้เรียนได้ ส่วนลักษณะเฉพาะของผู้เรียนแต่ละคนนั้นนับว่ามีส่วนสำคัญโดยตรงกับ เนื้อหาบทเรียนตลอดจนสื่อการสอนและวิธีการที่จะ
นำมาใช้ในการสอน
3. การจัดกิจกรรมที่หลากหลาย คือ การจัดกิจกรรมโดยวิธีต่าง ๆ อย่างหลากหลายที่มุ่งให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างแท้จริงเกิดการพัฒนาตนและสั่งสมคุณลักษณะที่จำเป็นสำหรับการเป็นฯสมาชิกที่ดีของสังคมของประเทศชาติต่อไปการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่มุ่งพัฒนาผู้เรียน จึงต้องใช้เทคนิควิธีสอนวิธีการเรียนรู้รูปแบบการสอนหรือกระบวนการเรียนการสอนในหลากหลายวิธีซึ่งจำแนกได้ดังนี้
การจัดการเรียนการสอนทางอ้อม ได้แก่ การเรียนรู้แบบสืบค้น
เทคนิคการศึกษาเป็นรายบุคคล ได้แก่ วิธีการเรียนแบบศูนย์การเรียน แบบการเรียนรู้ด้วยตนเอง
เทคนิคการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ประกอบการเรียน เช่น การใช้สิ่งพิมพ์ ตำราเรียน
4. การใช้เทคโนโลยีเป็นแหล่งและสื่อการเรียนรู้ของตนเองและนักเรียน เป็นการสอนโดยนำสื่อต่างๆและเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความทันสมัยในกระบวนการเรียนเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากสื่อมากขึ้น
5. การวัดและประเมินผลตามสภาพจริงอย่างรอบด้านและเน้นพัฒนาการ เป็นกระบวนการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่สามารถวัดได้ครอบคลุมทั้งเนื้อหาวิชา พฤติกรรม และผลผลิตของผู้เรียน
- การวัดเป็นกระบวนการในการกำหนดตัวเลขหรือสัญลักษณ์ใดๆในเชิงปริมาณอย่างเป็นระบบ
- การประเมินผลนำผลที่ได้จากการวัดมาใช้ในการตัดสินใจโดยการนำผลการวัดมาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ในด้านพัฒนาการต่างๆของผู้เรียน
6. การใช้ผลการประเมินเพื่อแก้ไขปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เต็มศักยภาพ จะทำให้ผู้ประเมินรู้ว่าผลการเรียนของเด็กแต่ละคนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่เรียนมากน้อยเพียงใดและจะได้ปรับปรุงพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้ตรงกับความต้องการของผู้เรียนว่าผู้เรียนมีความสามารถที่จะรับและเข้าใจเรื่องที่เรียนเพียงใดจะได้พัฒนาผู้เรียนอย่างถูกต้อง
7. การใช้การวิจัยปฏิบัติการในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ของนักเรียนและการสอนของตน เป็นการทำวิจัยโดยครูผู้สอนในชั้นเรียน เพื่อแก้ปัญหาในชั้นเรียน และนำผลมาใช้ในการปรับปรุงการจัดประสบการณ์ของครู ถือได้ว่าการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และสร้างความรู้ในการปฏิบัติงานของครู
หลักการสำคัญของการเรียนการสอนแบบนี้ คือ
1. เป็นการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Student Centered) เปิดโอกาสให้ ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตัวเองให้มากที่สุด
2. หัวข้อ ประเด็นปัญหา รวมถึงเนื้อหาที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ จะเป็นในเชิงบูรณาการ (Integrated) ผู้เรียนจะต้องใช้เนื้อหาในสาขาต่างๆ มาช่วยในการแก้ปัญหา
3. เป็นการใช้เทคนิคการสอนกลุ่มย่อย (Small geoup Tutorial) กลุ่มละ 6-8 คน ผู้เรียนจะต้องมีโอกาสได้แสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยนข้อมูล และประสบการณ์ภายในกลุ่ม
4. การเรียนรู้ของผู้เรียน นอกจากจะได้เรียนรู้เนื้อหาวิชาต่างๆ แล้วยังเป็นการเรียนรู้กระบวนการต่างๆ ไปในเวลาเดียวกัน เช่น กระบาวนการคิด กระบานการทำงาน กระบานการแก้ปัญหา
5. ผู้สอนจะมีบทบาท เป็นผู้อำนวยความสะดวก เป็นผู้กระตุ้นให้เกิดการโต้เถียง แสดงความคิดเห็น และร่วมมือกันแก้ปัญหา
จุดมุ่งหมาย
1. เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะในการแก้ปัญหาอย่างมีกระบวนการ
2. เพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชุมชน
3. เพื่อให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะในการเรียนรู้ด้วยตัวเองและจากกลุ่ม
ตัวอย่างการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ สาระหน้าที่พลเมือง
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1
กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษา ส 33101: สาระหน้าที่พลเมืองฯ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 ครูผู้สอน นางสาวนัยนา ป่ากว้าง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย เวลาเรียน 2 คาบ
1.สาระที่ 2 หน้าที่พลเมือง วัฒนธรรม และการดำเนินชีวิตในสังคม
2.มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐาน ส 2.1 ปฏิบัติตนตามหน้าที่ของการเป็นพลเมืองดีตามกฎหมาย ประเพณีและวัฒนธรรมไทย ดำรงชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมไทย และสังคมโลกอย่างสันติสุข
3.มาตรฐานการเรียนรู้ช่วงชั้น
มาตรฐาน ส 2.1.1. ตระหนักถึงคุณค่าในความเป็นพลเมืองดีตามวิถีชีวิตประชาธิปไตยของตนเองและบุคคลอื่นที่มีศักยภาพในการทำประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติ
มาตรฐาน ส 2.1.2. ตระหนักถึงสถานภาพ บทบาท สิทธิเสรีภาพ และหน้าที่ในฐานะพลเมืองดีของสังคมและประเทศ เข้าใจความสำคัญในเรื่องสิทธิมนุษยชน เพื่อคุ้มครองปกป้องตนเองและคนอื่นให้ดำเนินชีวิตในสังคมได้อย่างสันติสุข ตลอดจนปฏิบัติตนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตนเอง ครอบครัว ชุมชนและประเทศชาติ
4.สาระสำคัญ
ในสังคมของเรามีคนอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นเพื่อให้สมาชิกของสังคมอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข จำเป็นต้องมีแนวทางหรือกฎระเบียบให้คนในสังคมประพฤติปฏิบัติ เนื่องจากในสังคมมีระบอบการเมืองการปกครอง วัฒนธรรม ประเพณี และสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน จึงมีกฎระเบียบให้ทุกคนยึดถือปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไป ในสังคมประชาธิปไตยสมาชิกในสังคมควรปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีด้วยการปฏิบัติตามกฎหมาย หลักธรรมของศาสนา ประเพณีวัฒนธรรมไทย ดังนั้นทุกคนในสังคมประชาธิปไตยจึงต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมาย หลักคำสอนทางศาสนา และประเพณีวัฒนธรรม เพื่อจะได้นำไปปฏิบัติให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง สังคมส่วนรวม และประเทศชาติ
5.ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
1. อธิบายการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของสังคมได้
2. อธิบายการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยได้
6.วิเคราะห์ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง
ด้านพุทธพิสัย (Knowledge)
1. เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของสังคมได้
2. เพื่อให้นักเรียนมีความรู้และเข้าใจในการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยได้
ด้านทักษะพิสัย (Process)
1. นักเรียนสามารถบอกขั้นตอนและอธิบาย หรือ วิเคราะห์ การปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของ
สังคมและการปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยได้
ด้านจิตพิสัย(Affective)
1. นักเรียนสามารถประพฤติปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดีของสังคมตามหลักคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม และประเพณีไทย ในสังคมปัจจุบันได้
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1.ครูเล่าสถานการณ์ของคนยุคปัจจุบันเกี่ยวกับการมีคุณธรรมและขาดคุณธรรมให้นักเรียนและใหฟังชมวีดีทัศน์ เรื่อง โครงการคุณธรรมนำไทย เวลาประมาณ 2-4 นาทีแล้วสนทนาตั้งประเด็นคำถาม ดังเช่น
- นักเรียนดูวีดีทัศน์ นักเรียนสังเกตเห็นสิ่งใดบ้าง อะไรบ้าง
- นักเรียนดูแล้วเกิดความรู้สึกอย่างไร แสดงความคิดเห็นอย่างไร
-นักเรียนดูและฟังเหตุการณ์ที่ครูเล่าให้ฟังแล้วนักเรียนคิดอย่างไรเกี่ยวกับสังคมไทยในยุคปัจจุบัน
2.ครูนำบัตรคำ คำว่า พลเมือง พลเมืองดี ถามนักเรียนว่า 2 คำนี้มีความหมายว่าอย่างไร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับวีดีทัศน์หรือไม่ อย่างไรโดยยกมือขึ้นอภิปรายคำถามนั้นๆๆ
3.ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่าในคาบเรียนนี้จะเรียนกันเรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย แล้วให้นักเรียนแต่คนตั้งคำถามเกี่ยวพลเมืองที่ดีตามวิถีประชาธิปไตย พร้อมคำตอบเพื่อที่จะอภิปรายในชั้นเรียน
ขั้นสอน
1.ครูแจกใบความรู้เรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยและให้นักเรียนศึกษาใบความรู้
2.ครูอธิบายความเป็นพลเมืองดี พร้อมให้นักเรียนศึกษาใบความรู้ไปพร้อมๆกัน
3.ครูให้นักเรียนทำใบงานจากประเด็นคำถามต่อไปนี้
1.หากทุกคนในสังคมประพฤติตามหลักจริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรมแล้วจะมีส่วนช่วยให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติอย่างไรบ้าง
2.นักเรียนมีวิธีการปฏิบัติตนเพื่อทำหน้าที่พลเมืองที่ดีในสังคมประชาธิปไตยอย่างไร
4.ครูสุ่มนักเรียนออกมาเสนอใบงานหน้าชั้นเรียน
ขั้นสรุป
1.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาเรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย สลับกับอธิบายวีดีทัศน์เพิ่มเติม
คาบเรียนที่ 2 พลเมืองดีแบบประชาธิปไตย เวลา 1 คาบ
ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน
1.ครูนำพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาอ่านให้นักเรียนฟัง เรื่องความเพียร และซักถามประเด็นดังเช่น
- นักเรียนฟังพระบรมราโชวาทแล้วนักเรียนเกิดความคิดเห็นอย่างไร
-และให้นักเรียนอธิบายว่าตนจะนำสิ่งที่ได้ฟังจากพระราชดำรัสไปใช้อย่างไร และในเรื่องใดบ้าง
2.ครูแจ้งให้นักเรียนทราบว่าในคาบเรียนนี้จะเรียนกันเรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย
ขั้นสอน
1.ครูอธิบายเรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตยและให้นักเรียนฟังพร้อมทั้งแจกตัวอย่าง ข่าวหรือเหตุการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นพลเมืองดี และให้นักเรียนแสดงความคิดเห็น โดยการยกตัวอย่างการพลเมืองที่ดีในสังคมยุคปัจจุบัน ว่าเป็นอย่างไร
2.ครูให้นักเรียนทำใบงานหน่วยที่ 1
ขั้นสรุป
1.ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเนื้อหาเรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย และจากใบงานที่ 1
8.สื่อการเรียนรู้
1. วีดีทัศน์ เรื่องพลเมืองดี
2. บัตรคำ / โปรแกรม Power point
3. ใบความรู้ เรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย
4. ใบงาน เรื่อง พลเมืองดีตามวิถีประชาธิปไตย
5. พระราชดำรัสของพระบทาสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
6.ข่าวการประพฤติตนเป็นพลเมืองดี
9.การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
1. วิธีวัด
- สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรมการทำใบงาน / ตรวจใบงาน
2. เครื่องมือวัด
- แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล
- ใบงานกิจกรรม